เนื่องจากบ้านและที่ดินมีอยู่หลายประเภทแต่ละประเภทก็มีลักษณะเฉพาะตัวเหมาะสมกับการลงทุนแตกต่างกัน ดังนั้นผู้ลงทุนใน บ้านและที่ดินจึงมีความจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกประเภทบ้านให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ด้วย ทั้งนี้บ้านที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจแยกออกได้เป็น 8 ประเภทด้วยกันคือ

1. บ้านเดี่ยว(Single-Family Homes)เป็นแบบบ้านที่อยู่อาศัยที่มีคนนิยมมากที่สุดลักษณะเป็นบ้านตั้งอยู่เดี่ยวๆมีเนื้อที่กว้างขวางรั้วรอบขอบชิด ทำให้ผู้อาศัยได้บรรยากาศของความเป็นส่วนตัวและห่างไกลจากการรบกวนของเพื่อนบ้านบ้านชนิดนี้ปกติแล้จะมีขนาดใหญ่เล็กแตกต่างกันสามารถตกแต่งได้ในรูปแบบต่างๆ ตามฐานะและรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ

2. อาคารพาณิชย์หรือตึกแถว(Shop Houses)เป็นแบบบ้านอีกลักษณะหนื่งที่ได้รับความนิยมมากในแถบชุมชนเมืองเพราะนอกจากจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้แล้วยังสามารถดัดแปลงให้เป็นสถานที่ทำการค้าหรือธุรกิจได้ด้วย อาคารแบบนี้มักมีเนื้อที่แคบจึงนิยมก่อสร้างหลายๆชั้น

3. ทาวน์เฮาส์(Town house)เป็นบ้านที่มีลักษณะเหมือนตึกแถวบ้านประเภทนี้มักตั้งอยู่ในเมืองต่างกับตึกแถวตรงที่มีบริเวณหน้าบ้านจัดเป็นสวนขนาดย่อมและจอดรถได้ทาวน์เฮ้าส์ส่วนใหญ่มักเป็นแบบ2-3ชั้นใช้เนื้อที่ค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นที่ในเมืองและมีราคาแพง

4. แฟลตหรืออาพาร์ตเม้นต์(Flat or Apartment)เป็นที่อยู่อาศัยที่มีลักษณะคล้ายอาคารพาณิชย์ คือมีหลายๆชั้น แบ่งเป็นหลายยูนิตวัตถุประสงค์เพื่อให้เช่าปกติแล้วที่อยู่อาศัยแบบนี้ค่าเช่ามักสูง เพราะตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีสิ่งอำนวยความสะดวกความปลอดภัยครบ

5. คอนโดมิเนียม(Condominium)หรืออาคารชุด เป็นอาคารที่มีหลายชั้นแต่ละชั้นแบ่งเป็นห้องชุดจำนวนมากซึ่งภายในห้องประกอบด้วยห้องนอน ห้องรับแขก ห้องนำ ฯลฯ อาคารชุดแต่ละแห่งมักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนโดยทั่วไปแล้วอาคารชุดจะตั้งอยู่ในกลางเมืองหรือในที่ชุมชนที่มีการคมนาคมสะดวก อาคารชุดมีหลายประเภท ทั้งประเภทที่อยู่อาศัย (Residential Condominium)และประเภทสำนักงาน(Office Condominium)ผู้ซื้ออาคารชุดจะมีกรราสิทธิ์เป็นเจ้าของอาคารชุดของตนและมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินส่วนกลาง อันได้แก่ ห้องโถง ที่จอดรถ ลิฟต์ สนาม และทางเดิน เป็นต้น ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการดูแลทรัพย์สินส่วนกลางผู้เป็นเจ้าของอาคารชุดจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบ

6. สหกรณ์เคหสถาน(Cooperative Housing)เป็นที่อยู่อาศัยแบบสหกรณ์ลักษณะเป็นอาพาร์ตเมนต์เพล็กซ์คล้ายคอนโดมิเนียมที่อยู่อาศัยประเภทนี้ เกิดขึ้นโดยผู้ต้องการที่อยู่อาศัยจะลงทุนซื้อหุ้นของสหกรณ์และสหกรณ์จะนำเงินนั้นไปซื้อที่ดินและสร้างอาคารให้สมาขิกได้เช่าอยู่ สมาชิกต้องช่วยกันออกค่าบำรุงรักษา ซ่อมแซม ค่าภาษี สมาชิกแต่ละหน่วยมีสิทธิออกเสียงได้หนึ่งเสียงในการเลือกตั้งกรรมการบริหาร

7. บ้านเคลื่อนที่(Mobile Home)บ้านชนิดนี้ในเมืองไทยมักไม่ค่อยคุ้นเคยกันแต่ในต่างประเทศมีมานานแล้วลักษณะเป็นบ้านที่สร้างสำเร็จรูปจากโรงงานและย้ายมาติดตั้งในทำเลที่กำหนดให้เป็นพื้นที่ของบ้านเคลื่อนที่ ผู้ที่เริ่มตั้งครอบครัวใหม่นิยมอยู่บ้านเคลื่อนที่เพราะราคาไม่แพงนัก บางคนก็ใช้บ้านเครื่องที่เป็นสำนักงานเคลื่อนที่ เช่น ผู้รับเหมาเวลาไปรับเหมาก่อสร้างตามแหลงรับเหมาต่างๆ บ้านแบบนี้สามารถขับเคลื่อนหรือพ่วงกับรถคันอื่นได้ ลักษณะภายในมีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนบ้านทั่วไป บ้านแบบนี้บางทีนิยมใช้เป็นบ้านของดาราภาพยนตร์หรือนักแสดงซึ่งต้องเดินทางเสมอ ก็จะซื้อรถขนาดใหญ่ปรับปรุงภายในให้เหมือนบ้านคือ มีห้องนอน ห้องเตรียมอาหาร ห้องน้ำ เพียงแต่ละห้องมีขนาดเล็กเท่านั้นสำหรับผู้ที่ชอบท่องเทียวทัศนาจรบริษัทท่องเที่ยวบางแห่งก็จะมีรถยนต์ให้เช่าซึ่งจะตกตกแต่งภายในเหมือนบ้านอยู่อาศัยขับไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆได้ บ้านลักษณะนี้เรียกว่า MotorHome นิยมใช้กันมากตามเมืองท่องเทียวและใช้มากในช่วงของฤดูกาลท่องเที่ยวซึ่งผู้ใช้จะสามารถประหยัดค่าโรงแรกที่พักได้มากเพราะไปกันได้หลายคนและใช้ได้ในช่วงเวลายาวนานอีกด้วย
8. บ้านที่แบ่งเวลาการพักอาศัย(Time-Share Homes)บ้านแบบนี้ตามชื่อก็บอกลักษณะให้ทราบว่ามีการแบ่งเวลาหรือหมุนเวียนกันใช้ประโยชน์ในบ้านพักอาศัยดังกล่าวซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพักผ่อน เช่น บ้านพักหรือเรือนรับรอง ที่อยู่ตามชายหาดหรือแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ โดยมีบุคคล บริษัทหรือโครงการจัดสรรเป็นเจ้าของใครต้องการไปพักผ่อนในช่วงไหนก็ขอเช่าใช้บ้านพักในช่วงนั้นซึ่งจะมีการแบ่งเวลากันในระหว่างผู้ต้องการใช้มีตั้งแต่ 1 สัปดาห์จนถึง 6 เดือน ราคาค่าเช่าก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเป็นต้นว่าระยะเวลาในการเช่าขนาดของบ้าน ทำเลที่ตั้ง สิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดตนฤดูกาลของการเช่าพัก
ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมบางแห่งซึ่งได้ขายไปแล้ว ก็ยังให้บริการในลักษณะของ Time Sharing ด้วยคือขณะหนึ่งขณะใดที่เจ้าของไม่ได้อยู่เอง ก็มอบหมายให้ผู้จัดการคอนโดมิเนียมนั้นดูแลให้ โดยหาผู้ที่ต้องการพักผ่อนในช่วงดังกล่าวมาเช่าอยู่แทนซึ่งทำให้เจ้าของมี รายได้ในขณะที่ไม่ได้ใช้อยู่อาศัยเองเพียงแต่จ่ายค่าบริการจัดการดังกล่าวบ้างเท่านั้น นอกจากนั้นรูปแบบที่เคยมีการดำเนินการกัน ยังมีการขายสถานที่พักตากอากาศในลักษณะของคอนโด เช่น(Condochain)กล่าวคือเจ้าของกิจการคอนโดเซน จะมีการจำหน่ายห้องกัดตากอากาศ ซึ่งตั้งอยู่ตามสถานที่ตากอากาศหลายๆแหล่ง ผู้ที่ซื้อห้องชุด ณ สถานที่ตากอากาศแห่งหนึ่งจะได้ใช้สิทธิในการใช้ห้องพักของโครงการเดียวกันซึ่งตั้งอยู่ ณ สถานที่ตากอากาศอื่นได้ฟรีปีละกี่วันตามที่เจ้าของโครงการกำหนด อย่างไรก็ดีแนวคิดในเรื่องTime-ShareHome เป็นเรื่องที่มีแง่มุมทางกฎหมายอยู่หลายเรื่อง ดังนั้นผู้ที่ลงทุนในที่อยู่อาศัยลักษณะนี้ควรจะได้มีการปรึกษาผู้รู้ในด้านกฎหมายอย่างละเอียดเสียก่อน

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น